5 เทคนิคดูแลสุขภาพระหว่างช่วงฤดูแห่งการปาร์ตี้ช่วงสิ้นปี
ช่วงเวลาระหว่างวันฮาโลวีนไปจนถึงปีใหม่อาจเป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนท่องเที่ยว ทานของหวาน ดื่มในงานปาร์ตี้ และการทานอาหารจนจุกแทบจะเดินไม่ได้ โดยการจะหาเวลาเพื่อไปออกกำลังกายก็ไม่ง่ายเลย แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากในบางครั้ง แต่มันก็ไม่จำเป็นเสมอไป
และนี่คือ 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพในระหว่างฤดูแห่งการพักผ่อนนี้:
1. มีความสุขในช่วงวันพิเศษ ไม่ใช่ทุกวันในช่วงฤดูกาล
การพยายามไม่ดื่มและทานอาหารมากจนเกินไปในช่วงวันหยุดถือเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายด้วยปาร์ตี้เล็กๆน้อยๆที่จะเกิดขึ้นในระหว่างนั้น แต่เราแนะนำให้คุณพยายามให้เต็มที่ที่จะดื่มหรือทานอาหารพิเศษเฉพาะในวันที่เป็นวันพิเศษจริงๆเท่านั้น
การทานอาหารในปริมาณมากสักสองสามวันในช่วงวันหยุดคงไม่ทำร้ายสุขภาพของคุณมากนัก แต่หากคุณ“ให้รางวัลกับตัวเอง”ในทุกวันตลอดช่วงฤดูกาล นั่นจะทำให้คุณติดรสหวานและเกิดพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ดีแม้ว่าช่วงวันหยุดจะจบลงแล้วก็ตาม
2. มีสติในการทานอาหาร
ลองมีสติในการทานอาหารมื้อใหญ่ๆในงานปาร์ตี้ต่างๆ (ก็คือทานให้ช้าและหยุดทานเมื่อเริ่มรู้สึกอิ่ม) ลองจัดเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือหากว่าคุณอยากจะทานจนอิ่มจริงๆ ลองใช้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างโปรตีนหรือผักแทนที่จะเป็นขนมปังและของหวาน คุณอาจมีของหวานตบท้ายบ้างเล็กน้อยกับเพื่อนๆ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป
อย่าลืมดื่มน้ำมากๆ โดยเฉพาะในระหว่างมื้ออาหารเพื่อให้ตัวเองรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และยังทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำอีกด้วย และอย่าลืมว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มีแคลอรี่มากกว่าเครื่องดื่มทั่วไปและไม่ได้ทำให้คุณอิ่มอีกด้วย ฉะนั้นคุณต้องดื่มอย่างพอประมาณ
อาหารที่เหลือหลังจากงานปาร์ตี้อาจเป็นอีกกับดักที่หลายคนเผชิญ เก็บอาหารที่เหลือให้เร็วที่สุด เพราะนั่นจะช่วยให้โอกาสที่คุณจะกินเล็กๆน้อยๆหลังจากมื้ออาหารลดลง หรือคุณอาจจะแบ่งอาหารที่ทานไม่หมดให้กับเพื่อนก็ได้เช่นกัน
Sherry Pagoto ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย University of Massachusetts Medical School กล่าวว่า “การจะเผลอทานอาหารมากเกินไปเป็นเรื่องง่ายในช่วงฤดูของการเฉลิมฉลองและเมื่อมีอาหารที่ทานไม่หมดในปริมาณมาก และนั่นจะกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ วิธีหนึ่งในการเลี่ยงก็คือการไม่ปล่อยให้อาหารเหล่านั้นหลงเหลืออยู่ในบ้าน จัดการทิ้งมันไปซะหลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา!”
3. วางแผนและใช้ความคิดสร้างสรรค์
คุณคงไม่มีเวลาที่จะเข้าฟิตเนสเหมือนกับในช่วงเวลาอื่นๆ นอกจากนั้นช่วงวันที่สั้นลงและอากาศที่หนาวก็ยิ่งจะทำให้คุณไม่อยากออกไปไหน ฉะนั้นการมีเป้าหมายในการออกกำลังกายและการวางแผนให้ดีระหว่างช่วงงานต่างๆจะสามารถช่วยคุณได้มาก
ลองระดมความคิดกับเพื่อนๆและเขียนแผนในการออกกำลังกายของคุณออกมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณจะทำและเวลาที่คุณจะไปออกกำลัง และคุณจะยังมีกำลังใจมากขึ้นอีกด้วยหลังจากที่ได้ทำตามแผนของตัวเอง
มีทางเลือกมากมายในการออกกำลังที่ใช้เพียงแค่น้ำหนักตัวของคุณเอง คุณอาจใช้การวิ่งเหยาะๆในตอนเช้าใกล้ๆบ้านก่อนจะออกไปทำงานหรือหลังเลิกงาน การทำโคยะสัก 10 นาทีในตอนเช้าก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลว จะวิดพื้น ซิทอัพ ออกไปเล่นบาสเก็ตบอล หรือแม้กระทั่งไปเล่นแปะโป้งก็ยังได้
นอกจากนั้นโปรแกรมต่างๆยังเป็นตัวช่วยอีกอย่างได้ เช่นไปลงชื่อวิ่งมาราธอน การวิ่งวันละหนึ่งกิโลทุกๆวัน หรือการวิดพื้นวันละ 100 ครั้ง แต่เป้าหมายของคุณต้องไม่โลดโผนจนเกินไปเพื่อไม่ให้คุณเกิดความท้อระหว่างการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
เทรนเนอร์หลายคนเสนอว่าการออกกำลังกายในตอนเช้าก่อนที่หลายๆอย่างในแต่ละวันจะเริ่มต้นขึ้นเป็นเรื่องที่ดี หรือบางคนก็เสนอการออกกำลังสั้นๆง่ายๆอย่างการวิดพื้น 20 ครั้ง หรือการทำท่าสควอตหลายๆเซ็ทตลอดทั้งวัน การสควอต 200 ครั้งกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยหากคุณจะทำสัก 10 ครั้งก่อนที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆในแต่ละวัน
ทุกวินาทีที่คุณขยับร่างกายและก้าวออกไปจากห้องครัวถือเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้ใช้พลังงานและเลี่ยงความยั่วยวนจากขนมหวานต่างๆ
4. ใช้โอกาสจากสิ่งรอบๆตัวในแต่ละฤดูกาล
การกวาดหิมะหรือใบไม้ที่ร่วงลงมาในสวนเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้หัวใจของคุณได้ออกกำลังพร้อมกับขยับทุกส่วนในร่างกาย เต้นให้สุดเหวี่ยงหากคุณกำลังอยู่ในคลับ ลองเดินไปชมวิวรอบๆหากคุณกำลังอยู่ในระหว่างการไปชมสถานที่ใหม่ๆ และอีกวิธีที่ง่ายๆก็คือการเดินให้เต็มที่ระหว่างการช๊อปปิ้งเลือกซื้อของนั่นเอง
อากาศที่หนาวกว่าปกติเป็นอีกสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้ใช้พลังงานมากขึ้น เพราะร่างกายของคุณต้องเผาผลาญพลังงานเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกาย หรือหากว่าคุณอยู่ในที่ที่มีหิมะ การออกไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งหรือปาหิมะใส่กันก็ฟังดูสนุกไม่ใช่น้อย
การเชิญเพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานหรือสมาชิกในครอบครัวไปออกกำลังกายด้วยกันก็อาจเป็นแรงกระตุ้นอีกอย่างได้ เพราะนอกจากคุณจะรู้สึกถึงความรับผิดชอบแล้วก็ยังจะเป็นโอกาสได้ใช้เวลากับคนสำคัญในชีวิตของคุณอีกด้วย
5. จำไว้ว่าสุขภาพที่ดีไม่ใช่สิ่งที่’ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องทำอะไรเลยดีกว่า’
ความคิดที่ว่าหากคุณไม่ได้ไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหรือไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสแล้วก็ไม่ควรจะเสียเวลาออกกำลังกายไม่เป็นความคิดที่ผิดถนัด
การอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและไม่กดดันตัวเองจนเกินไปในช่วงวันหยุดเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือคุณอาจจะได้ออกกำลังกายน้อยลงและทานอาหารที่อาจจะไม่มีประโยชน์มากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะเลิกออกกำลังกายซะทีเดียว
ทุกครั้งที่คุณได้ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหรือได้ขยับร่างกาย นั่นก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นโดยรวม แทนที่จะโบกมือลาสุขภาพในช่วงเวลาพิเศษ ลองท้าทายตัวเองให้ทำในสิ่งทุกคุณทำได้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
คุณอาจจะตกใจเมื่อได้เห็นว่าจริงๆแล้วคุณก็ยังสามารถรักษาสุขภาพของคุณได้ด้วยความมุ่งมั่นและการยืดหยุ่นเล็กๆน้อยๆ และเมื่อวันหยุดจบลง คุณก็สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่สุขภาพดีได้ไม่ยากเย็นนัก