การจะความรักบนแอพหาคู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่เป็นไปไม่ได้ แต่คุณทำถูกวิธีหรือเปล่า
การจะพบกับชายในฝันของคุณผ่านแอพหาคู่เกย์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่เป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว เพราะมีหลายคนที่ทำสำเร็จมาแล้ว และการหาคู่ออนไลน์นั้นก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งในปี 2017 กับการสัมภาษณ์คู่รักชาวอเมริกัน 14,000 คนเผยว่าราว 20% ของพวกเขาพบกับคนรักผ่านแอพหาคู่ แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขสำหรับเพศทางเลือกโดยเฉพาะ แต่เราคิดว่าเกย์และไบน่าจะมีอัตราการพบกับคู่รักที่สูงกว่านั้นด้วยการใช้งานแอพที่บ่อยกว่าคนทั่วไปและกลุ่มประชากรก็ยังเล็กกว่าอีกด้วย
ฉะนั้นการจะพบกับแฟนในอนาคตของคุณผ่านแอพหาคู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป และอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเกินไปด้วยซ้ำ เราได้พูดคุยกับผู้ชายที่พบกับแฟนของตัวเองบนแอพหาคู่เพื่อดูว่าพวกเขามีอะไรที่คล้ายคลึงกันบ้าง
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาบอกกับเรา:
1. “มันเกิดขึ้นของมันเอง”
แม้ว่านี่จะไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง แต่มีหลายคนมากที่บอกกับเราว่าสิ่งที่พวกเขามีนั้น“เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ” พวกเขาไม่ได้กำลังมองหาความสัมพันธ์แบบจริงจัง บางคนที่ยอมเสี่ยงชวนคู่ของเขาก็คือหลังจากมีเซ็กส์ไปแล้วสองถึงสามครั้งก่อนที่จะ“ออกเดท”กันจริงจัง พวกเขานั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะนิยามความสัมพันธ์ตั้งแต่แรกหรือไม่ได้มี“เป้าหมาย”นั่นแหละ พวกเขาพอใจที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์นั้นเปิดเผยตัวเอง
2. พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน
หากว่าคุณไม่ใช่คนที่“ปล่อยให้อะไรเป็นไปตามธรรมชาติ”เมื่อพูดถึงเรื่องการหาคู่และชอบที่จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน! คุณลุงที่เป็นเกย์ของผมเจอกับแฟนของเขาบน Manhunt ราว 10 ปีก่อนจากการส่งข้อความหากันบนคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนที่หลายๆอย่างจะเป็นไปได้บนมือถืออย่างทุกวันนี้ ฉะนั้นบางอย่างก็จะแตกต่างไป แต่พวกเขาบอกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังตามหานั้นชัดเจนตั้งแต่แรก แฟนของคุณลุงบอกตั้งแต่ตอนแรกว่าเขากำลังมองหาอะไรจริงจัง ฉะนั้นหากคนที่เขาคุยด้วยไม่สนใจก็ไม่ควรจะทำให้ทั้งคู่เสียเวลา
ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะแรงไปนิดหน่อย และผมรู้ว่าสามีของเขาเกือบจะหนีไปเพราะความกลัว แต่สุดท้ายแล้วมันก็ประสบความสำเร็จเพราะมันเป็นการทำให้เห็นเป้าหมายของความสัมพันธ์ที่ชัดเจน หากคุณกำลังมองหาอะไรที่จริงจังก็ต้องบอกไปให้ชัดเพื่อไม่ให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย เพราะในโลกภายนอกย่อมต้องมีเกย์อีกมากมายที่ไม่ได้สนใจความสัมพันธ์แบบเล่นๆ ด้วยการแสดงออกอย่างชัดเจนจะช่วยให้คุณดึงดูดคนที่มีความคิดแบบเดียวกันกับคุณ
3. คุณต้องเลิกคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งจะแก้ปัญหาในชีวิตของคุณได้ทั้งหมด
เพื่อนของผมชื่อ Andrew (ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา)บอกว่าเขาเคยชอบเป็นโสด และเขาก็ชอบการมีแฟนในตอนนี้ด้วย “หากคุณคิดว่าการเป็นโสดเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิต การจะหาใครสักคนคงเป็นเรื่องไม่ง่าย” เขาบอกกับผมอย่างตรงไปตรงมา ผมถามว่าทำไมเขาจึงคิดเช่นนั้น เขาบอกว่า “คุณยังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำแต่คุณกลับผลักภาระในการเป็นผู้ช่วยชีวิตของคุณให้เขาเรียบร้อยแล้ว”
ผมคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริงไม่น้อย แม้ว่าการมองหาใครสักคนนั้นเป็นเรื่องดี แต่คุณต้องรู้สึกดีกับการเป็นโสดด้วย แม้ว่าคุณจะไม่ได้ชอบก็ตาม เพราะไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ของคุณก็จะเจอแต่ความตึงเครียดและจบลงอย่างเลวร้าย
4. คุณต้องออกไปเดท
“ผมตัดสินใจออกไปเดทจริงๆ” เพื่อนของผม Jeremy (ไม่ใช่ชื่อจริงเหมือนเดิม) บอก “ผมเลิกชวนผู้ชายมาที่บ้านและชวนเขาออกไปดื่มกันข้างนอกก่อน” เขาพูดต่อ “มันง่ายๆแค่นั้นเอง”
ผมคงไม่เห็นด้วยที่บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายแต่ผมคิดว่า Jeremy นั้นพูดถึงประเด็นที่สำคัญ: อย่าทำเป็นงงหากคุณชวนคนที่พึ่งคุยกันได้สองนาทีมามีเซ็กส์ที่บ้านแล้วเขาไม่โทรกลับหาคุณอีก หากคุณกำลังมองหาอะไรจริงจังก็ควรจะออกเดทแบบจริงจังด้วย
คุณอาจจะเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าหลายๆข้อด้านบนนั้นดูเหมือนจะขัดแย้งกันเอง ไม่ว่าจะให้เจอกันแบบไม่ต้องจริงจังมาก แต่คุณก็ควรจะชวนเขาออกเดท นอกจากนั้นยังควรจะปล่อยให้อะไร“เป็นไปตามธรรมชาติ” และการนิยามความสัมพันธ์ตั้งแต่แรกก็เป็นเรื่องดีอีกแล้ว
สิ่งที่เราค้นพบก็คือว่าวิธีการจะพบกับแฟนหนุ่มในอนาคตของคุณนั้นมีมากมาย หากคุณลองอะไรแล้วไม่ได้ผลก็ให้ลองอะไรที่ตรงข้ามกันบ้าง การจะลองเปลี่ยนวิธีการคงไม่ได้ทำให้อะไรเสียหายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ลองใช้วิธีที่แตกต่างกับคนที่แตกต่างดู
แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนๆกันก็คือพวกเขาไม่เคยหมดหวังนั่นเอง