วิธีเข้าถึงใจลูกค้า LGBTQ นั้นง่ายนิดเดียว: จงโอบกอดสีรุ้ง
นี่คือข้อมูลใหม่สำหรับสื่อโฆษณาที่ต้องการเอาชนะใจลูกค้าเกย์และกลุ่มตลาดเพศทางเลือก: วิธีที่จะทำให้คุณน่าสนใจในสายตาลูกค้า LGBTQ คือคุณต้องน่าสนใจสำหรับลูกค้า LGBTQ
ขอให้เราได้อธิบาย
ในปี 2017 Hornet ได้มอบหมายให้ Nielsen ทำการศึกษาการตอบสนองของลูกค้าต่อโฆษณาที่มีเนื้อหา LGBTQ และผลลัพธ์นั้นออกมาชัดเจน: ผู้ชมมีความสามารถในการจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น เกิดความสัมพันธ์ มีความต้องการในการซื้อและแนะนำให้กับคนอื่นๆเมื่อพวกเขาได้ชมโฆษณาที่มีธีม LGBTQ มากกว่าโฆษณาแบบทั่วไป
นอกจากนั้น จากการศึกษาพบว่า”กว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ได้ชม โฆษณาธีม LGBTQ เห็นด้วยกับประโยคที่ว่าแบรนด์ดังกล่าวนั้น‘มีการก้าวไปข้างหน้า’และ‘ไม่แบ่งแยก’เมื่อเทียบกับ 56% และ 55% ของผู้ชมที่ชมโฆษณาแบบไม่เจาะจง” และที่สำคัญเท่าๆกันคือกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามมีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าเมื่อชมโฆษณา LGBTQ มากกว่าผู้ชมโฆษณาแบบปกติจาก 13% เป็น 17% ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่วอดก้าไปจนถึงสินค้าประกัน ซึ่งเราได้นำภาพอินโฟกราฟฟิกจาก Adweek มาให้คุณได้ชมกัน
ผู้ตอบแบบสอบถามในงานวิจัย Nielsen แสดงถึงกลุ่มลูกค้าที่พวกเขาสนใจ — LGBTQ ที่เป็นชายชาวอเมริกันอายุ 18 จนถึง 54 ปี พวกเขากล่าวว่าพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อสินค้าคุณภาพดี และพร้อมที่จะแนะนำสินค้าให้กับเพื่อนๆและครอบครัว
หรือเมื่อพูดให้ชัดเจนก็คือโฆษณาธีม LGBTQ นั้นทำให้กลุ่มลูกค้า LGBTQ มีโอกาสที่จะจดจำสินค้าได้ มีมุมมองที่ดีต่อสินค้า ซื้อสินค้า และแนะนำสินค้าให้กับคนใกล้ชิดมากขึ้น
สำหรับ Hornet แล้ว ข้อค้นพบเหล่านี้น่าตื่นเต้นเพราะมันเป็นการยืนยันความจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความเข้าใจของลูกค้ากลุ่ม LGBTQ (กลุ่มเพศทางเลือก) ว่าการเป็นตัวแทนพวกเขาเป็นวิธีที่มีพลังในการขับเคลื่อนทัศนคติและพฤติกรรมได้
การโน้มน้าวให้แบรนด์จำนวนมากยอมรับข้อค้นพบนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เนื่องจากความกังวลว่าสินค้าจะก่อให้เกิดปัญหาต่อกลุ่มเพศทางเลือก ซึ่งคำตอบของข้อกังวลนี้คือความระมัดระวังและการดูเรื่องความเหมาะสม อย่างเช่นการมีสมาชิกกลุ่ม LGBTQ ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการสร้างโฆษณาขึ้น
แบรนด์อื่นๆมีความกังวลว่าโฆษณาประเภทดังกล่าวจะทำให้ลูกค้ากลุ่มอื่นหมดความสนใจ ซึ่งเรานั้นมีความจำเป็นที่จะต้องโน้มน้าวให้แบรนด์ที่กล่าวว่าตัวเองนั้นยืนหยัดเพื่อความเป็นหนึ่งได้แสดงถึงจุดยืนในความเชื่ออย่างชัดเจน และหาวิธีที่จะสร้างความน่าสนใจต่อกลุ่มลูกค้าที่เห็นด้วยกับความเชื่อเหล่านั้น
นั่นไม่ได้หมายถึงแค่ลูกค้ากลุ่ม LGBTQ เท่านั้น แต่ยังหมายถึงคนอื่นๆ เช่นเพื่อนและครอบครัวที่พร้อมจะแสดงตัวตนต่อจุดยืนดังกล่าว ซึ่งจำนวนประชากรเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และโฆษณาที่ต่อต้านเพศทางเลือกนั้นค่อยๆลดจำนวนลง ซึ่งเป็นวิธีการที่แบรนด์ที่มองไปในอนาคตควรจะต้องการที่จะมีส่วนร่วม
โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในยุคที่การโฆษณาแบบเจาะจงโดยอินเตอร์เน็ตยิ่งทำให้แบรนด์ทั้งหลายไม่ควรจะมีข้อแม้ในการดึงดูดกลุ่ม LGBTQ ให้เป็นลูกค้า ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทั้งลูกค้าที่ได้ใช้สินค้าที่ตัวเองภาคภูมิใจ และเว็บไซต์กลุ่มเพศทางเลือกได้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ข้อสรุปสำคัญในงานวิจัยนี้คือลูกค้าที่เป็นเพศทางเลือกมีความพร้อมที่จะมอบความซื่อสัตย์และความรักในแบรนด์ที่สื่อสารกับพวกเขาโดยตรง ฉะนั้นตอนนี้เป็นเวลาที่แบรนด์ใหญ่ๆควรจะโอบกอดประชากรสีรุ้งไว้ให้แน่นถ้าพวกเขาต้องการรายได้งามๆ
ภาพของ Peopleimages จาก iStock