เทพเจ้า จู๋ปลอม และเครื่องดินเผา: ประวัติศาสตร์เครื่องปั้นลึงค์

เทพเจ้า จู๋ปลอม และเครื่องดินเผา: ประวัติศาสตร์เครื่องปั้นลึงค์

Be first to like this.

This post is also available in: English Español Français Português Русский Türkçe Українська 繁體中文

นักปราชญ์คนหนึ่งเคยกล่าวว่า “ในโลกนี้มีเกย์อยู่สองประเภท คือพวกที่หลงไหลในขนาดน้องชาย และพวกที่โกหก” แต่เหมือนว่าคำพูดนี้จะไม่ค่อยเป็นจริงเท่าไหร่นัก แต่ความจริงนั้นเกย์และประติมากรทั้งหลายได้เนรมิตรน้องชายออกมาในหลายขนาดด้วยกัน เรามาลองชมประวัติเครื่องปั้นองคชาติในแต่ละช่วงกัน

ที่จริงๆแล้วมีตัวอย่างอีกมากจากทั่วโลกให้เราได้เลือก แต่ที่เรานำมาให้ได้ชมกันนี้เป็นแบบที่”โดดเด่น”ที่สุดในทั้งหมด

1. 6000 – 4000 ปีก่อนคริสตการ: จู๋ปลอมยุคหิน?

ในปี 2010 นักโบราณคดีชาวสวีเดนได้คันพบอุปกรณ์ที่ดูแปลกประหลาดที่ถูกแกะสลักจากเขากวางที่มีความกว้าง 0.8 นิ้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน นักวิจัยคิดว่ามันน่าจะถูกใช้เพื่อแกะสลักก้อนหินเพราะปลายด้านหนึ่งของเจ้าสิ่งนี้มีความแหลมและคม

เจ้าอุปกรณ์ที่รูปร่างเหมือนน้องชายนี้ทำให้พวกเขานึกถึงหินประดิษฐ์ที่นักโบราณคดีพบในเยอรมันที่มีอายุราว 28,000 ปี และพวกเขาไม่สามารถสรุปได้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีไว้สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่แน่อาจจะมีโอกาสได้ใช้ทั้งสองเพศก็เป็นได้

2. 3500 ปีก่อนคริสตกาล: แท่งหรรษาของพระอิศวร

ศิวลึงค์บนศักติโยนี

ถ้าหากว่าคุณได้ไปเยี่ยมวัดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อพระศิวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู คุณจะต้องได้เห็นแท่งหินกลมๆที่มักจะถูกทาด้วยผงสีต่างๆและมีดอกไม้บูชาวางไว้รอบๆ ซึ่งเจ้าสิ่งนี่คือศิวลึงค์ ที่แสดงถึงองคชาติของพระศิวะแทงทะลุพื้นโลก ซึ่งเป็นพลังในการสร้างชีวิตบนโลกนี้

แม้ว่านักประวัติศาสตร์บางคนจะบอกว่าแท่งหินนี้แสดงถึงกระดูกสันหลังที่มีพลังจักระมากกว่าจะเป็นแท่งน้องชาย แต่ชาวอินเดียหลายคนถือว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นรูปปั้นจู๋ยักษ์ ซึ่งบางครั้งเจ้าแท่งนี้จะตั้งอยู่บนฐานเรียกว่าโยนีที่แสดงถึงศักติที่เป็น “พระแม่ศักดิ์สิทธิ์” ในศาลนาฮินดู หรืออวัยวะเพศของเธอนั่นเอง

3. 2050 – 1550 ปีก่อนคริสตกาล: มิน เทพแห่งกามารมณ์ของอียิปต์

A statue of Min, doing his thing

ตั้งแต่ยุคราชอานาจักรจนถึงยุคอานาจักรใหม่ มิน เทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์และพลังแห่งเพศชายได้มีความเด่นมากขึ้นโดยจะมีลักษณ์เป็นมือข้างหนึ่งกลับด้านเป็นรูปตัววี (มีความเชื่อว่าแสดงถึงอวัยวะเพศหญิง) และมืออีกข้าง (ที่ซ่อนอยู่) จะจับที่อวัยวะเพศของตัวเอง

เทพเจ้าองค์นี้ได้รับความนิยมในพิธีสวมมงกุฎของฟาโรห์โดยเชื่อว่าพรของเทพเจ้านั้นจะช่วยให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ (ด้านการเก็บเกี่ยว) และยังเป็นตัวยืนยันผู้สืบทอดที่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของผู้ปกครอง คนที่บูชาเทพเจ้าองค์นี้มักจะใช้ผักกาดอียิปต์ถูบนผิวของเครื่องปั้นจนเกิดเป็นคราบคล้ายน้ำอสุจิ และในงานประเพณีบูชา ผู้เข้าร่วมงานจะได้รางวัลถ้าหากว่าเขาสามารถปีนเสาได้สูงที่สุด (สัญลักษณ์องคชาติอีกอย่างหนึ่ง)

รูปปั้นเทพเจ้ามินองค์หนึ่งมีความสูงถึง 55 ฟุตที่มีขนาดองคชาติยาวถึง 8 ฟุต ยิ่งใหญ่ยิ่งดีแน่นอน

4. 206 ปีก่อนคริสตกาล – 220 ปีคริสตกาล: ที่เสียบบั้นท้ายโบราณจากจีน

 

ตั้งแต่ช่วงปี 1995 จนถึง 2011 การขุดค้นหลุมศพราชวงศ์ต่างๆและครอบครัวที่มั่งคั่งในจีนทำให้เกิดการค้นพบจู๋ปลอมที่ทำจากแร่บรอนซ์และที่เสียบบั้นท้ายหยกของรางวงศ์ฮั่น จู๋ปลอมเหล่านี้ มีขนาดเล็กและไม่ยาว ซึ่งนักโบราณคดีคาดว่าพวกมันอาจจะไม่ได้ถูกใช้เพื่อความสุขทางทวารแม้แต่น้อย

นักวิจัยเหล่านี้เชื่อว่าพวกมันถูกนำมาใช้กับร่างกายหลังจากการเสียชีวิตโดยใช้ทางปากและทวารหนักเพื่อช่วย“ปิดร่างกายและเก็บพลังชี่ไว้หลังจากความตาย และหยกนั้นยังมีราคาที่สูงด้วยความบริสุทธิ์และความเชื่อว่า”จะช่วยปกป้องผู้ครอบครองจากวิญญาณและการเสือมเสียของร่างกาย”

5. 800 – 300 ปีก่อนคริสตกาล: รูปปั้นที่มีขนาดองคชาติที่เหมาะสม

จากที่เราเคยบอกไปว่ารูปปั้นจากยุคกรีกโบราณนั้นมีแนวโน้มที่จะมีขนาดองคชาติที่เล็กกว่าทั่วไปเนื่องด้วยชาวกรีกเชื่อว่าขนาดที่ใหญ่ทำให้ฉลาดน้อยลง มีความหลงไหลในกาม และขาดเหตุผล และด้วยการที่รูปปั้นกรีกนั้นให้ความสำคัญกับสัดส่วนมาก ขนาดที่เล็กและไม่แข็งตัวนั้นถือเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุด

อันที่จริงแล้วมีรูปปั้นกรีกจำนวนมากที่มีขนาดอวัยวะเพศชายที่ใหญ่ แต่มักจะเป็นรูปปั้นของมนุษแพะและเทพพริอาพัส เทพแห่งความสมบูรณ์ที่ถูกรังเกียจจากเทพเจ้าองค์อื่นๆจนเทพฮีราต้องสาปให้เขามีอวัยวะเพศที่แข็งตัวตลอดเวลาและถูกไล่ลงจากเขาโอลิมปัส

6. ช่วงปี ค.ศ. 200 – 900 : รูปปั้นอวัยวะเพศจากอเมริกากลาง

ทางตอนเหนือของเปรู อารยธรรมโมเชได้สร้างวัดขนาดใหญ่จำนวนมาก ท่อระบายน้ำ และยังมีทักษะด้านการทำหม้อและเครื่องปั้นจากเหล็กอีกด้วย ซึ่งของที่ถูกค้นพบที่ทำให้หลายๆคนต้องยักคิ้วด้วยความสงสัยก็คือรูปปั้นการร่วมเพศตั้งแต่การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การช่วยตัวเองของผู้ชาย การใช้ปากร่วมเพศ ไปจนถึงการร่วมเพศระหว่างชายกับชายอีกด้วย

ชิ้นงานเหล่านี้มักจะมีช่องไว้ใส่ของเหลว ซึ่งของเหลวนั้นก็จะไหลออกมาทางปลายอวัยวะเพศของรูปปั้น นักโบราณคดีต่างคิดไม่เห็นไม่ตรงกันถึงวิธีใช้งานรูปปั้นเหล่านี้ บางคนบอกว่าพวกมันถูกใช้ในการสอนเรื่องทางเพศ บางคนบอกว่าเป็นการแสดงวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ และบางคนก็เห็นว่าเป็นการแสดงความเหนือกว่าของผู้นำอารยธรรมของพวกเขา

มียุคไหนบ้างที่คุณชอบเป็นพิเศษ

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 และมีการแก้ไขเพิ่มเติม

Related Stories

7 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกย์และไบที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทานอาหาร
เรื่องจริงสุดเศร้าของซานโดมิโน เกาะฟาสซิสต์ในประเทศอิตาลีสำหรับเกย์'ใจบาป'
คุณต้องลองเล่นเกมที่คุณจะได้ลองอมจู๋ในห้องน้ำพร้อมกับหลบตำรวจไปพร้อมๆกัน
เกิดอะไรขึ้นบ้างกับร่างกายของเราหลังจากเลิกกับคนรัก
Quantcast