เราขอให้เทรนเนอร์ส่วนตัวแนะนำวิธีที่เราจะหลงรักการออกกำลังกาย
การไปเข้าฟิตเนสนั้นเหมือนกับความความสัมพันธ์ที่ยาวนาน เซ็กส์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในช่วงแรก แต่กลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำในภายหลัง คุณต้องทั้งจัดเวลา มีความมุ่งมั่น อะไรต่อมิอะไรอีกมาก และมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้การเข้าฟิตเนสเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอีกครั้งเพื่อให้เราได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าที่เคย
ลองมาฟัง 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณหลงรักฟิตเนสอีกครั้ง (หรือครั้งแรกก็ได้นะ):
1. จ้างเทรนเนอร์
สาเหตุที่ทำให้ผมอยากเป็นเทรนเนอร์ก็เพราะว่าตัวผมเองได้รับการเทรนจากเทรนเนอร์อีกคนหนึ่ง ผมเห็นว่าการพัฒนาร่างกายของผมเริ่มยากขึ้นและสังเกตว่าผมใช้เวลาออกกำลังกายอย่างจริงจังมามากกว่าสามปี ผมจึงเริ่มแยกเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว
ไม่ใช่แค่ผมเห็นผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ผมยังรู้สึกตื่นเต้นในการใช้ความรู้ใหม่ๆในการออกกำลังกาย ในฐานะเทรนเนอร์คนหนึ่ง เหตุผลที่ผมได้ยินในการเลิกออกกำลังของหลายๆคนก็เหมือนกับสิ่งที่ผมเจอ ซึ่งก็คือความรู้สึกเบื่อกับการออกกำลังกาย
เทรนเนอร์ส่วนตัวชื่อ Demetri Dye จาก West Hollywood ผู้เชี่ยวชาญในการช่วยให้ลูกค้าของเราเข้าถึงการออกกำลังได้ดีขึ้นบอกว่าการใช้ท่าใหม่ๆและการเรียนรู้เพิ่มเติมช่วยให้ลูกค้าของเขามีการพัฒนาที่เห็นได้ชัดขึ้นมาก
“เมื่อผมบอกพวกเขาว่าแต่ละท่าจะเปลี่ยนร่างกายส่วนไหนบ้าง พวกเขาก็รู้สึกมีแรงจูงใจที่จะมาฟิตเนสด้วยตัวเอง การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกสำหรับพวกเขา” Dye บอก
การจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมว่าการจ่ายเงินเป็นสมาชิกโดยที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็การเสียเงินเปล่าเช่นกัน นอกจากนั้น การไม่เห็นผลลัพธ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การออกกำลังเป็นเรื่องยากอีกด้วย
2. วางแผน
พูดกันตามตรงแล้ว คงไม่ใช่ทุกคนที่อยากมีเทรนเนอร์ส่วนตัวหรืออยากจะจ่ายเงินในส่วนนั้น แต่เราต้องมีแผนในการออกกำลังอยู่ดี หลายๆคนมองหาวิธีทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรหรือหาเทคนิคบนโซเชียลมีเดีย ทั้งข้อความแรงบันดาลใจ เทคนิคการออกกำลังกาย และแผนการทานอาหาร
แม้ว่าการพยายามจะเป็นเรื่องดี แต่ในโลกของฟิตเนสนั้นไม่มีอะไรที่ฟรีไซส์สำหรับทุกคน เหล่า”กูรูฟิตเนส”ไม่ได้รู้จักร่างกายของคุณดี และสุดท้ายมักจะทำให้เกิดการเสียกำลังใจหรือบาดเจ็บแทนที่จะเกิดผลดี
อย่างไรก็ตาม เทรนเนอร์ออนไลน์หลายๆคนก็ดีไม่ใช่น้อยและเข้าใจในงานของพวกเขา อย่างเช่น BJ Gaddour at Mens Healt หรือ Livestrong และ
Scott Herman บน YouTube เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคำแนะนำและแผนการออกกำลังกาย แค่อย่าลืมฟังเสียงของร่างกายของคุณเท่านั้นเอง
3. ติดตามการเต้นของหัวใจ
มีไม่กี่อย่างที่จะทำให้คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับการออกกำลังมากกว่าอัตราการเต้นของหัวใจ ตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างที่แท้จริง การออกกำลังกายให้ถึงจุดสูงสุดของอัตราการเต้นที่ปลอดภัยและไม่ปล่อยให้ต่ำกว่าช่วงเวลาพักจะช่วยยืนยันว่าคุณกำลังออกกำลังกายด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม
ลองหาอุปกรณ์วัดการเต้นของหัวใจมาใช้ดู ปกติแล้วอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกติดไว้กับหน้าอกหรือข้อมือของคุณและสามารถวัดการเต้นของหัวใจได้อย่างทันที ช่วงเวลาที่คุณจะต้องทำตัวเลขออกมาให้ดี การได้เห็นตัวเลขที่เกิดขึ้นจริงจะช่วยคุณรักษาเวลาได้มาก ซึ่งมันจะเป็นแรงจูงใจที่ดีไม่ใช่น้อย มันช่วยลดระยะเวลาการออกกำลังกายของผมได้มากทีเดียว (เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ Polar เป็นแบรนด์โปรดที่ผมใช้ ผมพบว่ามันสามารถวัดได้แม่นยำพอสมควร)
การค้นหาอัตราการเต้นที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับเป้าหมายและตัวเลขอื่นๆของคุณเอง หลายเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นสามารถช่วยคำนวนให้กับคุณได้อย่างง่ายดาย และหากคุณมีปัญหาหรือความกังวลที่เกี่ยวกับหัวใจก็อย่าลืมปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนนำตัวเลขไปใช้จริง
4. ซื้ออุปกรณ์การออกกำลังใหม่
หลายคนสาบานว่าการได้ใส่ชุดที่พึ่งซื้อมาช่วยให้พวกเขาเดินเข้าฟิตเนสได้อย่างง่ายดาย Morgan ผู้รักฟิตเนสบอกว่าชุดออกกำลังกายที่ดีช่วยให้เขาอยู่ในเกมนี้ “มันอาจจะเป็นเรื่องของการแต่งตัวเพื่อสวมบทบาทอะไรสักอย่าง” Morgan บอก “ถ้าผมรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่ หุ่นดี ผมก็จะทำตัวแบบนั้นจริงๆ”
5. หาฟิตเนสใหม่
ถ้าเทคนิคเหล่านี้ไม่ได้ผลกับคุณ แสดงว่ามันมีปัญหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ การเปลี่ยนจากฟิตเนสที่คุณกำลังเป็นสมาชิกอาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ในฐานะกะหรี่ฟิตเนส ผมมักจะเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกายทุกๆปี การได้เห็นอะไรใหม่ๆ อุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้ และหนุ่มๆที่ไม่เคยเจอ เป็นอะไรที่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งการเปลี่ยนอะไรที่จำเจก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาความเบื่อที่ดีที่สุด
ไม่ว่าคุณจะเลือกย้ายไปที่ไหน ฟิตเนสส่วนมากจะยอมให้คุณแช่แข็งสถานะสมาชิกแลกกับค่าใช้จ่ายเล็กน้อยอยู่แล้ว